นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพ์นานๆ เสี่ยงเป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันขั้นรุนแรง "Economy class syndrome"

เวลลิงตัน-ผลศึกษาชี้คนที่นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพ์นานๆ เสี่ยงเป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันขั้นรุนแรง

กรุงเทพ ธุรกิจออนไลน์ : ศ.ริชาร์ด บีสลีย์ แห่งสถาบันวิจัยทางการแพทย์ ในเมืองเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ได้เผยผลศึกษาว่า พนักงานบริษัทที่นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานหลายชั่วโมงใน แต่ละวัน มีแนวโน้มที่จะป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันขั้นร้ายแรงมากเสียยิ่งกว่าผู้โดยสาร ที่นั่งเครื่องบินชั้นประหยัดเป็นเวลานานๆ เสียอีก

ผลศึกษาชิ้นนี้ ระบุว่า 1 ใน 3 ของคนไข้ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอด เลือดดำที่อยู่ในชั้นลึกของขา ที่เรียกสั้นๆ ว่า "ดีวีที" นั้นเป็นพนักงานบริษัทที่ใช้เวลานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน โดยคนไข้มากถึง 34% ที่ถูกนำตัวมารักษาอาการลิ่มเลือดอุดตันนั้นจะนั่งติดโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน ในขณะที่สัดส่วนของคนไข้ที่เป็นโรคนี้เพราะนั่งเครื่องบินโดยสารชั้นประหยัด เป็นระยะทางไกลๆ นั้นอยู่ที่ 21% เท่านั้น

ทั้งนี้ ดีวีทีเป็นสภาวะที่เลือดจะจับตัวเป็นลิ่มในหลอดเลือดดำที่อยู่ในชั้นลึกของ ขาทั้งสองข้าง ซึ่งอาการที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากว่าลิ่มเลือดที่ขาหลุดออกแล้วเข้า ไปขวางหลอดเลือดในปอด หรือในสมอง โดยก่อนหน้านี้เคยมีคดีที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกมาแล้ว เมื่อหญิงสาวชาวอังกฤษวัย 28 ปี ซึ่งโดยสารเครื่องบินชั้นประหยัดของสายการบินแควนตัส จากออสเตรเลียมายังอังกฤษ ซึ่งใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 20 ชั่วโมง เกิดอาการไม่สบายและเสียชีวิตขึ้น

ผลการชันสูตรพบว่า หญิงสาวผู้นี้เกิดภาวะดีวีทีที่ขาแล้วลิ่มเลือดเกิดหลุดไปอุดหลอดเลือดที่ หัวใจและปอด จนทำให้อาการของโรคนี้ถูกเรียกกันอย่างแพร่หลายว่า โรคชั้นประหยัด หรืออีคอโนมี คลาส ซินโดรม ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เกิดจากการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานเพียงอย่าง เดียว

ผลการศึกษาหลายชิ้นพบว่า ภาวะเลือดจับตัวเป็นลิ่มจะเกิดขึ้นในสัดส่วน 10% ของผู้โดยสารทางอากาศที่อยู่สภาวะเสี่ยงสูง และ 1% ของผู้โดยสารทุกประเภท ส่วนการบำบัดรักษานั้นทำโดยการให้ยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายเดือน

ในส่วน ของพนักงานบริษัทนั้น ศาสตราจารย์บีสลีย์ กล่าวว่า คนที่มีอาการเลือดจับตัวเป็นลิ่มนั้นจะนั่งอยู่หน้าจอวันละ 14 ชั่วโมง โดยบางคนนั้นจะนั่งอยู่ครั้งละนานถึง 3-4 ชั่วโมง โดยไม่ลุกไปไหนเลย ทั้งยังชี้ชัดลงไปว่า อาการนี้พบได้บ่อยที่สุดในหมู่ผู้ที่ทำงานไอทีและคอล เซ็นเตอร์

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com